อาหารแมว คืออาหารที่ผลิตหรือปรุงแต่งขึ้นให้แมวกิน แมวมีความต้องการสารอาหารเฉพาะทางในกระบวนการผลิตนั้น สารอาหารบางอย่าง เช่น วิตามินหลายชนิด และกรดอะมิโน ลดคุณภาพได้จากอุณหภูมิ ความดัน และการปรุงแต่งด้วยสารเคมี ดังนั้นสารอาหารนี้จึงเพิ่มเข้ามาหลังผลิตเสร็จเพื่อไม่ให้แมวขาดสารอาหาร
อาหารแมว ที่ควรใส่ใจดูแลเพื่อสุขภาพที่ดีของเจ้าเหมียว
อาหารแมว มีหลายยี่ห้อ แมวแต่ละตัวนั้นมีนิสัยการกินที่แตกต่างกัน บางตัวอาจจะทานง่าย กินทุกอย่างที่ขวางหน้า แต่น้องแมวบางตัวก็อาจจะเลือกกินแบบสุดๆ เอาใจยากเสียเหลือเกิน ซึ่งพฤติกรรมการกินของน้องแมวส่วนใหญ่นั้นมักจะควบคุมไม่ได้ เพราะเกิดจากสัญชาติญาณที่ติดตัวเค้ามาตั้งแต่เกิด แต่ถ้าเราให้เวลากับน้องแมวมากพอ รวมถึงลองใช้เทคนิคสำหรับเลี้ยงแมวตามนี้ ไม่ว่าใครก็จะกลายเป็นคนรักที่แสนรู้ใจของน้อง และดูแลเค้าให้มีสุขภาพดีได้ไม่ยากเลย
อีกอย่างที่เป็นสิ่งสำคัญที่ควรใส่ใจนอกจากอาหารแมว คือ การเลือกชามอาหารให้กับน้องแมว โดยเฉพาะความกว้างและความลึกของชาม จะต้องไม่ทำให้ “หนวด” ของเค้าเลอะเทอะระหว่างที่กำลังทานนั่นเอง โดยมีเทคนิคง่ายๆ ดังนี้
- ควรเลือกชามอาหารที่มีความลึกพอสำหรับใส่อาหารทั้งวันของน้องแมว
- ชามอาหารที่ใช้ควรมีความกว้างเพียงพอที่หนวดของน้องแมวจะไม่สัมผัสกับขอบชาม รวมถึงควรเลือกชามที่มีระดับความสูงพอเหมาะ เพื่อให้เค้าเคี้ยวอาหารได้โดยไม่เลอะเทอะหนวด
- ถ้าใครที่มีน้องแมวชอบทานมูมมาม แนะนำให้ปูแผ่นรองกันเปื้อนเอาไว้ใต้จานกันเลอะจะช่วยได้มากเลย
สารอาหารหลักที่แมวต้องการ
- โปรตีน
มีอยู่ในเนื้อสัตว์ เนื้อปลาและถั่วต่างๆ แมวนำประโยชน์ของโปรตีนแต่ละชนิดไปใช้ได้มากน้อยต่างกัน โปรตีนมีความสำคัญต่อแมวเกี่ยวกับการเจริญเติบโต การสร้างแอนติบอดีสำหรับป้องกันเชื้อโรค ซ่อมแซมเนื้อเยื่อต่างๆ ทำให้ขนงอก ตลอดจนสร้างเอนไซน์ต่างๆ เป็นต้น ลูกแมวที่กำลังเติบโตต้องการโปรตีนไม่น้อยกว่า 30 % ถ้าแมวได้รับอาหารที่มีโปรตีนต่ำกว่า 18 % จะเบี่ออาหาร
- คาร์โบไฮเดรต
แมวต้องการคาร์โบไฮเดรตซึ่งมีอยู่ในน้ำตาล แป้งและข้าวต่างๆ เพื่อเป็นประโยชน์ในการเจริญเติบโต การผลิตน้ำนมและการทำงาน ความต้องการพลังงานของแมวขึ้นอยู่กับกิจกรรมของแมว เช่น แมวที่เคลื่อนไหว ทำงานวิ่งเล่น ย่อมต้องการพลังงานมากกว่าแมวที่นอนอยู่เฉยๆ
- ไขมัน
แมวต้องการไขมันสำหรับพลังงานหรือแคลอรีประมาณ 8 % ไขมันให้พลังงานมากกว่าคาร์โบไฮเดรต 2 เท่าและไขมันยังมีกรดไขมันซึ่งมีความสำคัญต่อโภชนาการและการเจริญตามปกติของแมว แมวขาดกรดไขมันจะทำให้ผิวหนังแห้งและเจริญเติบโตช้า ถ้ามีไม่เพียงพอก่อให้เกิดอาการของโรคขึ้น นอกจากนี้ไขมันยังให้พลังงานเพื่อการเจริญเติบโตตลอดจนการต่อสู้ต่อความเครียด ความหนาว และถ้าขาดมากเกินไปอาจจะทำให้ตายได้
- วิตามิน
วิตามิน หมายถึง สารจำนวนน้อยที่สำคัญต่อชีวิต ดังนั้นการให้วิตามินมากเกินไปจึงไม่จำเป็นและมีโทษด้วยวิตามินมีอยู่หลายชนิด ช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโตและช่วยควบคุมการทำงานของอวัยวะต่างๆ อาหารแต่ละอย่างจะให้วิตามินแต่ละชนิดมากน้อยต่างกัน เช่น
วิตามินเอ ช่วยในการต้านทานโรค มีในเนื้อสัตว์ ตับ ไข่แดง น้ำมันตับปลา
วิตามินบี ควบคุมความสมบูรณ์ ให้กับผิวหนัง ช่วยในการเจริญเติบโตของร่างกาย ป้องกันโรคทางประสาท มีในไข่แดง นม ตับ
วิตามินซี ช่วยบำรุงรักษาผิวหนังและขน แก้โรคลักปิดลักเปิด มีในพืชผักผลไม้
วิตามินดี ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของร่างกายและกระดูก มีในน้ำมันตับปลา วิตามินดีที่มีมากและเพียงพอจะช่วยทำให้ธาตุแคลเซียมหรือฟอสฟอรัสที่ไม่ได้อัตราส่วนนั้นได้รับการใช้ให้เป็นประโยชน์ได้มากขึ้น
วิตามินอี มีความจำเป็นสำหรับการเจริญเติบโต การสืบพันธุ์และการผลิตน้ำนม ดังนั้นจึงควรให้วิตามินเหล่านี้แก่แมว โดยเฉพาะลูกแมว
- แร่ธาตุ
มีอยู่หลายชนิดด้วยกัน ช่วยในการสร้างกระดูก ฟัน และเลือด ช่วยควบคุมการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ อาหารแต่ละอย่างก็ให้แร่ธาตุแต่ละชนิดมากน้อยต่างกัน แร่ธาตุที่สำคัญ คือ แคลเซียมและฟอสฟอรัส เป็นแร่ธาตุที่ช่วยเสริมให้กระดูกแข็งแรง ถ้าขาดไปจะทำให้แมวเป็นโรคกระดูกอ่อนโค้งงอ
การให้อาหารแมวมากน้อยแค่ไหนดี
น้องแมวต่างขนาด ต่างสายพันธุ์ และมีอายุที่แตกต่างกัน ก็ต้องการปริมาณอาหารที่ไม่เหมือนกัน แต่หลักสำคัญในการกำหนดปริมาณอาหารให้กับน้องแมวก็คือ ควรให้อาหารอย่างเพียงพอเพื่อให้เค้ามีร่างกายที่สมส่วน ไม่อ้วนหรือผอมเกินไป ซึ่งเป็นหนึ่งใน 6 สัญญาณแมวสุขภาพดีนั่นเอง
อาจจะใช้วิธีประเมินน้ำหนักที่เหมาะสม เพื่อใช้กำหนดปริมาณอาหารที่ควรให้กับน้องแมวได้ ด้วยวิธีการตามนี้
- เช็กจากมุมบน ว่าเห็นเอวใต้กระดูกซี่โครงของเค้าหรือเปล่า เพราะน้องแมวที่สุขภาพดีควรจะมีรูปทรงที่เอวเป็นรูปนาฬิกาทราย
- เช็กจากด้านข้าง ด้วยการก้มไปดูที่ท้องของเจ้าเหมียวของคุณ แล้วดูซิว่าเห็นกระดูกซี่โครงหรือเปล่า
- เช็กจากซี่โครง ด้วยการวางมือไปที่บนหลังของน้องแมว โดยให้นิ้วโป้งทั้งสองอยู่ที่กระดูกด้านหลัง วาดมือไปตามลำตัวของเค้า แล้วลองดูว่าคุณสัมผัสกระดูกซี่โครงของเค้าได้หรือไม่ ถ้าไม่ก็ต้องลดปริมาณอาหารน้องแมวในแต่ละวันแล้ว
ช่วงวัยของลูกแมวตัวน้อย เป็นช่วงวัยที่เค้ายังคงเติบโตและมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง ทำให้การกำหนดปริมาณอาหารให้เค้าจึงต้องใส่ใจถึงกิจกรรมที่เค้าทำในแต่ละวันเป็นหลัก เพื่อให้เค้าเติบโตเป็นแมวสุขภาพดีสมวัย ซึ่งมีเทคนิคการดูแลดังนี้
- ลูกแมวส่วนใหญ่จะเริ่มเคี้ยวได้ตอนที่อายุได้ 3-4 สัปดาห์ เราสามารถค่อยๆ เพิ่มอาหารแบบแห้งลงไปให้เค้าได้ และในสัปดาห์ที่ 8 ลูกแมวก็จะเริ่มสามารถทานอาหารแบบแห้งเป็นหลักได้แล้ว
- สามารถเปลี่ยนอาหารแบบแห้งให้ลูกแมวกินง่ายขึ้นด้วยการผสมน้ำอุ่น 1 ส่วน อาหารเม็ด 3 ส่วน ก่อนเทลงในชามข้าว แต่อย่าลืมเด็ดขาดว่าต้องเป็นน้ำอุ่นเท่านั้นนะ และระวังอย่าให้ร้อนจนลวกปากเค้าล่ะ
- คำนวณปริมาณอาหารสำหรับลูกแมว ตามวิธีการ และปริมาณอาหารแนะนำต่อวันตามที่เขียนไว้บนกล่องบรรจุภัณฑ์ อย่าลืมแบ่งออกเป็นหลายๆส่วน แล้วทำให้นิ่มโดยการผสมน้ำอุ่นเพื่อให้ลูกแมวได้รับอาหารใหม่ๆ และพร้อมทานเสมอ
- เลือกซื้ออาหารแมวสูตรสำหรับลูกแมว
การให้อาหารแมวเพื่อจัดการกับความอ้วน
หลายท่านคงเคยได้ยิน ได้ฟัง หรือผ่านตากันมาบ้างกับอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับน้องเหมียวที่อ้วนเกินไป เช่น หัวใจ ทางเดินหายใจ ทางเดินปัสสาวะ ต่อมไร้ท่อ สาเหตุของความอ้วนส่วนใหญ่แล้วมาจากการกินอาหารที่มากเกินไป เรื่องของอาหารโดยทั่วไปแล้วจะแบ่งอาหารสำเร็จรูปออกเป็น 2 กลุ่มได้แก่ อาหารเปียกและอาหารแห้ง พบว่าแม้คุณค่าทางอาหารทั้งสองจะไม่ต่างกันหากเลือกซื้อจากผู้ผลิตที่น่าเชื่อถือ โดยไม่จำเป็นต้องให้อาหารเสริมอื่นแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามอาหารทั้ง 2 ชนิดนั้น ก็มีข้อดีและข้อเสียต่างกัน
- อาหารแมวแบบแห้ง
ก็คืออาหารเม็ดนั่นเอง ข้อดีก็คืออาหารลักษณะนี้สามารถช่วยเรื่องการทำความสะอาดของฟันของแมว เพราะทุกครั้งที่น้องเหมี่ยวเคี้ยวอาหารฟันของเค้าจะเกิดการเสียดสีกับอาหารและถูกขัดไปด้วยจึงช่วยควบคุมการเกิดหินปูนได้บางส่วน นอกจากนี้ยังสะดวกในการเก็บรักษาและอยู่ได้นานกว่าเนื่องจากมีความชื้นน้อยทำให้เกิดการเน่าเสียได้ยากกว่าอาหารเปียก แต่ข้อเสียของการให้อาหารชนิดนี้ ผู้เลี้ยงแมวควรมีน้ำสะอาดให้พร้อมดื่มอยู่เสมอ เพราะอาหารแห้งมีปริมาณของน้ำในอาหารน้อย อาจโน้มนำให้เกิดการขาดน้ำได้ หากน้องแมวมีน้ำเพียงพอ หรือแมวบางตัวอาจไม่ชอบเพราะแข็งทำให้เคี้ยวยาก
- อาหารแมวแบบเปียก
ในรูปกระป๋องหรือซอง ส่วนใหญ่แล้วน้องเหมียวจะชอบอาหารแบบนี้มากกว่า เพราะมีกลิ่นหอมกว่าและเคี้ยวง่ายกว่า แต่มีข้อเสียคือทำให้เกิดการสะสมของหินปูนได้ง่าย ทำให้เกิดอาการเหงือกอักเสบและฟันผุตามมา
การสร้างนิสัยการกินที่ดีให้น้องเหมียว
การให้อาหารแมวคราวเดียวในปริมาณมาก นอกจากอาหารจะเน่าเสียได้ง่ายแล้ว แมลงที่เป็นพาหะนำโรคอาจนำโรคร้ายมาสู่เจ้าเหมียวผ่านทางการให้อาหารได้เช่นกัน ที่สำคัญคือจะเป็นการสร้างพฤติกรรมการกินที่ไม่ดี คือ การกินอาหารทีละน้อยแต่บ่อยๆ เรียกได้ว่าเล็มกินทั้งวันนั่นเอง พฤติกรรมแบบนี้จะส่งผลเสียตามมาก็คือโรคอ้วน
ดังนั้นควรจะให้อาหารแมวให้พอเหมาะในแต่ละมื้อ แล้วฝึกให้แมวกินให้หมดภายในเวลาหนึ่งชั่วโมง โดยเริ่มจากการวางถาดอาหารไว้ไม่เกิน 1 ชั่วโมง ไม่ว่าเจ้าเหมียวของคุณจะทานหมดหรือไม่ก็ตามให้เก็บถาดอาหารออกไป จะช่วยฝึกนิสัยให้เจ้าเหมียวกินเป็นเวลาและกินให้อิ่มในคราวเดียวโดยส่วนตัวแล้วอยากแนะนำให้ใช้อาหารแห้งเป็นหลัก (แต่ก็สามารถให้อาหารกระป๋องบ้างเพื่อกระตุ้นความอยากอาหาร) ควรฝึกให้น้องเหมียวชินกับอาหารแห้งตั้งแต่ยังเป็นลูกแมว แต่หากเจ้าเหมียวของคุณยากที่จะแก้นิสัยทานตะกละแล้ว ก็สามารถที่จะวางอาหารไว้ได้ทั้งวันโดยที่ปริมาณอาหารจะต้องไม่เกินปริมาณที่กำหนดต่อวันข้อแนะนำเรื่องอาหารของเจ้าเหมียว
-
- อาหารที่ใช้ควรมีอุณหภูมิเท่ากับอุณหภูมิห้อง ไม่ร้อนหรือเย็นเกินไป หากเพิ่งนำออกจากตู้เย็นควรอุ่นเสียก่อน เพื่อรักษาคุณภาพอาหารและยังเป็นการเพิ่มความน่าทานของอาหารแมวด้วย
- เตรียมน้ำสะอาดไว้สำหรับดื่มตลอดเวลา โดยเฉพาะถ้าให้อาหารแมวแบบแห้ง เพื่อลดโอกาสในการเกิดนิ่วและร่างการขายน้ำอาจมีผลเสียต่อไตในระยะยาว
- ไม่ควรเก็บอาหารเปียกที่เหลือสำหรับมื้อต่อไป
- ไม่ควรให้อาหารแมวในปริมาณที่เยอะจนเกินไปเพราะอาจเป็นโรคอ้วนตามมา
- ไม่ควรผสมน้ำตาลลงในอาหาร เพราะอาจทำให้น้องเหมียวของเราท้องเสีย
- แมวเป็นสัตว์กินเนื้ออย่างแท้จริง (Carnivore) จึงต้องการโปรตีนสูงกว่าน้องหมา ดังนั้นอาหารของเจ้าตูบจึงให้โปรตีนไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกายเจ้าเหมียว
- แมวต้องการสารอาหารบางชนิดอย่างจำเพาะ เช่น ทอรีน และวิตามินเอ เพราะธรรมชาติของแมวจะไม่สามารถสังเคราะได้เองจากอาหารอย่างในคนหรือสุนัข ดังนั้นจึงเป็นการทำผิดอย่างมหันต์ที่จะเลี้ยงน้องเหมียวด้วยอาหารเจ้าตูบหรือปลาทูอย่างที่เคยเป็นในยุคก่อนๆ
อาหารแมวออร์แกนิก คืออะไร
อ้างอิงจากข้อมูลของกระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกา (USDA) อาหารแมวออร์แกนิกนั้นต้องผลิตจากวัตถุดิบที่ไม่ใช้ปุ๋ยเคมีหรือยาฆ่าแมลง อย่างเนื้อสัตว์นั้นก็ต้องมาจากปศุสัตว์ที่ได้รับอาหารสัตว์ออร์แกนิก เข้าถึงพื้นที่กลางแจ้ง และไม่ได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะหรือได้รับฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโต USDA ยังกำหนดด้วยว่าพืชผลที่นำใช้ในอาหารแมวออร์แกนิกต้องปลูกบนผืนดินไม่มีการใช้ปุ๋ยหรือยาฆ่าแมลง และต้องไม่มีการใช้สารเคมีใดๆ เป็นเวลาอย่างน้อยสามปี
อาหารแมวออแกนิคสามารถแบ่งประเภทตามขั้นตอนการผลิตและส่วนผสมได้ดังนี้
- อาหารแมวออร์แกนิก 100% ส่วนผสมทั้งหมดที่ใช้ได้รับการปลูกแบบออร์แกนิก โดยใช้สารเคมีเพียงเล็กน้อยหรือไม่ใช้เลย
- อาหารออร์แกนิกสำหรับแมว วัตถุดิบส่วนใหญ่ผลิตแบบออร์แกนิก อาหารแมวสำเร็จรูปที่มีฉลากออร์แกนิกมักแนะนำว่ามีส่วนผสมที่ผลิตแบบออร์แกนิกประมาณ 95%
- ผลิตจากวัตถุดิบออร์แกนิก ฉลากที่บ่งบอกว่า “ผลิตจากวัตถุดิบออร์แกนิก” ใช้เพื่ออธิบายอาหารแมวที่ใช้ส่วนผสมออร์แกนิกประมาณ 70-95%
- อาหารออร์แกนิกต่ำกว่า 70% แปลว่าปริมาณของส่วนผสมเทียมและสารสังเคราะห์สูงกว่าส่วนผสมออร์แกนิก โดยปริมาณส่วนผสมออร์แกนิกในอาหารอาจมีเพียง 30% หรือน้อยกว่านั้น
การตัดสินใจเลือกระหว่างอาหารแมวธรรมชาติและอาหารแมวออแกนิค ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของพ่อแม่แมว เนื่องจากอาหารทั้งสองชนิดไม่ได้ส่งผลกระทบที่รุนแรงต่อสุขภาพของเจ้าเหมียว คุณสามารถเลือกได้ตามความพอใจ ตราบใดที่อาหารเหล่านั้นมีสารอาหารครบถ้วนและสมดุล ตรงกับความต้องการของเจ้าตัวน้อย เนื่องจากมีอาหารแมวสำเร็จรูปบางแบรนด์ในท้องตลาด ใช้คำว่า “ธรรมชาติ” และ “ออร์แกนิก” ดึงดูดใจลูกค้าโดยไม่ทำตามข้อกำหนดของ AAFCO ทั้งหมด ทาสแมวจึงควรอ่านฉลากอย่างละเอียด เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีสารแต่งเติม สารกันบูด และสารสังเคราะห์มากเกินไป
จะเห็นได้ว่าอาหารของน้องแมวเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากกว่าที่เราคิด ไม่เพียงแค่ขั้นตอนการให้อาหาร หรือวิธีการกินเท่านั้นที่เราต้องใส่ใจ คุณค่าสารอาหารก็สำคัญไม่แพ้กัน จึงควรเลือกซื้ออาหารแมวที่มีสารอาหารครบถ้วน ช่วยให้เจ้าเหมียวมีสัญญาณสุขภาพดีเพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ขนเงางาม มีภูมิต้านทานที่ดี จะเป็นลูกแมวตัวน้อย หรือเจ้าเหมียวขนสวยตัวโตก็มีสุขภาพที่ดีได้เช่นกัน
เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง
ที่มาของบทความ
- https://th.wikipedia.org
- https://www.vet4hospital.com
- https://www.purina.co.th
- https://www.sheba.co.th
- https://www.istockphoto.com/1465286711-497740766
- https://www.istockphoto.com/928162688-254586654
ติดตามอ่านเรื่องรอบโลกได้ที่ stkittskiteboarding.com
สนับสนุนโดย ufabet369